Amitriptyline เป็นยาใช้รักษาอาการโรคซึมเศร้า จัดอยู่ในกลุ่ม Tricyclic antidepressants (TCAs) ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมกลับของสารสื่อประสาทที่ชื่อว่า เอพิเนฟรีน (Epinephrine) และเซโรโทนิน (Serotonin) ทำให้มีปริมาณสารทั้งสองชนิดนี้ในสมองเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอารมณ์ดีขึ้น วิตกกังวลน้อยลง และนอนหลับได้ดีขึ้น
นอกจากใช้รักษาโรคซึมเศร้าแล้ว Amitriptyline ยังมีข้อบ่งใช้สำหรับรักษาโรคอื่นๆ ได้แก่ อาการปวดปลายประสาทหลังจากเป็นโรคงูสวัด โรคสมาธิสั้น โรคการกินผิดปกติบางประเภท และอาจนำมาใช้ป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนได้เช่นกัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อย่างไรก็ตาม ยากลุ่ม TCAs มีโอกาสทำให้เกิดอาการข้างเคียงร้ายแรงได้มากกว่ายารักษาโรคซึมเศร้ากลุ่มใหม่ๆ อย่างยาตัวอื่นๆ ในกลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitors (SSRIs) เช่น Fluoxetine
แพทย์จึงไม่นิยมให้ผู้ป่วยใช้ยากลุ่ม TCAs เป็นตัวแรกในการรักษาโรคซึมเศร้า
คำเตือนในการใช้ยา Amitriptyline
องค์การอาหารและยาได้ให้ Amitriptyline เป็นยาที่ต้องระบุคำเตือนผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่สุด (Black box warning) สำหรับยาต้านโรคซึมเศร้า
เนื่องจากการใช้ยา Amitriptyline อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ตอนต้น (อายุไม่เกิน 24 ปี) ที่ใช้ยานี้ เกิดความคิดเรื่องการฆ่าตัวตาย หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายได้
ครอบครัว หรือผู้ดูแลจึงควรเฝ้าสังเกตสภาวะอารมณ์ หรืออาการอื่นๆ ของผู้ป่วยที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติการคำเตือนการใช้ยาต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด คำเตือนนี้ยังรวมถึงยาในกลุ่ม SSRIs เช่น Fluoxetine, Paroxetine ด้วยเช่นกัน
- ผู้ที่ดูแลผู้ป่วย หรือตัวผู้ป่วยเอง ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ หากพบอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ในระหว่างที่ใช้ยา Amitriptyline โดยเฉพาะในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกของการรักษา หรือหลังจากเริ่มปรับปริมาณการใช้ยา
- มีความคิดทำร้ายตนเองหรือพยายามทำร้ายตนเอง
- มีอารมณ์ซึมเศร้าลง
- รู้สึกเป็นกังวลอย่างมากหรือวิตกกังวลเรื่องอื่นๆ เพิ่มขึ้น
- กระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง
- มีอาการของโรคตื่นตระหนก (Panic) กำเริบ
- เริ่มนอนหลับยากหรือนอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน
- มีพฤติกรรมก้าวร้าว
- หงุดหงิด กระวนกระวายผิดปกติ
- อารมณ์หรือพฤติกรรมเปลี่ยนแปลงผิดปกติ
- ตื่นเต้นผิดปกติหรือกระตือรือร้นมากกว่าปกติ
- หวาดระแวง รู้สึกไม่เป็นมิตร หรือก้าวร้าว
- มีพฤติกรรมหุนหันพลันแล่นผิดปกติ
- เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ไม่ควรใช้ยานี้ แต่อาจอนุโลมให้นำมาใช้ในผู้ป่วยบางรายที่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจะเกิดประโยชน์ต่อการรักษามากกว่าความเสี่ยง
- ก่อนการผ่าตัดใดๆ ควรแจ้งให้ศัลยแพทย์ทราบว่าคุณอยู่ในช่วงรับประทานยา Amitriptyline เพราะคุณอาจจำเป็นต้องวางแผนร่วมกับแพทย์ผู้สั่งยา เพื่อค่อยๆ ปรับลดขนาดยา และหยุดยา Amitriptyline ไปก่อนชั่วคราว
- ไม่ควรหยุดรับประทานยา Amitriptyline ทันทีโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการหยุดยากะทันหันอาจก่อให้เกิดอาการถอนยาได้
- ในการใช้ยานี้ อาจต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ จึงจะเห็นผลการรักษาเต็มที่จากยา Amitriptyline คุณควรใช้ยาตามคำสั่งแพทย์และอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ในการรักษาโรคซึมเศร้า หากรับประทาน Amitriptyline นานกว่า 4 สัปดาห์แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบ
- แจ้งให้แพทย์ทราบก่อนเริ่มใช้ยา Amitriptyline หากคุณมีโรคประจำตัวหรือมีภาวะต่อไปนี้
- โรคหัวใจ
- เคยมีอาการโรคหัวใจกำเริบ หลอดเลือดสมองตีบ หรือมีอาการชัก
- โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตเภท หรือความผิดปกติทางอารมณ์อื่นๆ
- โรคเบาหวาน
- ต้อหิน
- ภาวะไทรอยด์ทำงานมากกว่าปกติ
- ต่อมลูกหมากโต
- ทางเดินปัสสาวะทำงานผิดปกติ
- มีประวัติดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก
- Amitriptyline อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม คุณไม่ควรขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล หรือทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้สมาธิ จนกว่าจะทราบว่ายามีผลข้างเคียงต่อคุณอย่างไรบ้าง
- ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง หากต้องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างที่ใช้ยา เพราะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มีผลยับยั้งฤทธิ์ลดอาการซึมเศร้าของยา Amitriptyline และจะทำให้เกิดอาการง่วงซึมมากขึ้น
การใช้ยา Amitriptyline ในหญิงตั้งครรภ์
Amitriptyline อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หากคุณตั้งครรภ์หรือวางแผนตั้งครรภ์ในระหว่างที่ใช้ยานี้ ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบ และไม่ควรให้นมบุตรในระหว่างที่ใช้ยานี้ เนื่องจากตัวยาสามารถซึมผ่านทางน้ำนมและก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกที่ดื่มนมจากมารดาได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การใช้ยา Amitriptyline ในทางที่ผิด
มีรายงานว่าการรับประทานยา Amitriptyline ในปริมาณค่อนข้างมาก ทำให้เกิดอาการเคลิบเคลิ้มเป็นสุข หรือเกิดอาการประสาทหลอนในบางราย ซึ่งการใช้ยา Amitriptyline หรือยาอื่นๆ เพื่อสร้างความรู้สึกเคลิบเคลิ้มเป็นสุขนั้นถือเป็นอันตรายอย่างมาก และอาจนำไปสู่อาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือถึงขั้นเสียชีวิตจากการใช้ยาเกินขนาดได้
ดังนั้น การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เภสัชกร และควรเก็บรักษายาทุกชนิดให้พ้นจากมือเด็ก วัยรุ่น และบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ เนื่องจากอาจนำยาไปใช้ในทางที่ผิดและทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงดังที่กล่าวมา
น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจาก Amitriptyline
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากการใช้ยา Amitriptyline คือทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม คุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและกิจวัตรประจำวันเพื่อลดการเกิดผลข้างเคียงนี้
การใช้ Amitriptyline เพื่อการนอนหลับ
ผู้ป่วยบางราย มักนำมาใช้เป็นยารักษาอาการนอนไม่หลับ ซึ่งนอกเหนือจากข้อบ่งใช้ที่ระบุไว้ อย่างไรก็ตาม แพทย์บางท่านจะเลือกใช้ยาหรือวิธีการรักษาอื่นที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากกว่า จึงไม่นิยมสั่งใช้ยานี้เพื่อรักษาอาการนอนไม่หลับ
การใช้ยา Amitriptyline ในสุนัขและแมว
Amitriptyline มักถูกนำมาใช้รักษาพฤติกรรมที่ผิดปกติบางอย่างในสุนัขและแมว เช่น อาการแยกตัว กลัวเสียงดัง หรืออาการอื่นๆ ที่เกิดจากความกลัวหรือกระวนกระวาย การสั่งใช้ยา Amitriptyline สำหรับสัตว์เลี้ยงควรอยู่ภายใต้การดูแลของสัตวแพทย์เท่านั้น
อาการข้างเคียงจากการใช้ยา Amitriptyline
อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อยจากยา Amitriptyline มีดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- คลื่นไส้ หรืออาเจียน
- ง่วงซึมหรือเหนื่อยง่าย
- ฝันร้าย
- เหงื่อออกมากผิดปกติ
- อ่อนเพลีย
- ปวดศีรษะ
- ปากแห้ง คอแห้ง
- ท้องผูก
- ถ่ายปัสสาวะลำบาก
- มองเห็นไม่ชัดเจน
- รู้สึกปวด แสบร้อน หรือเสียวซ่าบริเวณมือหรือเท้า
- มีความต้องการทางเพศหรือสมรรถภาพทางเพศลดลง
- ความอยากอาหารหรือน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลง
- รู้สึกสับสน
- โคลงเคลง
คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเกิดอาการข้างเคียงเหล่านี้อย่างรุนแรงหรือมีอาการข้างเคียงเรื้อรังต่อเนื่อง
อาการข้างเคียงที่รุนแรงจากยา Amitriptyline
หากคุณมีอาการข้างเคียงที่ร้ายแรงต่อไปนี้ ต้องแจ้งให้แพทย์ทราบหรือรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยด่วน
- พูดช้าลงหรือพูดลำบากขึ้น
- วิงเวียนศีรษะหรือเป็นลมหมดสติ
- กล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรง หรือมีอาการชาไร้ความรู้สึก
- เจ็บแน่นหน้าอกเหมือนถูกทุบหรือกดทับ
- หัวใจเต้นเร็วหรือเต้นผิดจังหวะ
- เกิดผื่นผิวหนังชนิดรุนแรงหรือผื่นลมพิษ
- ใบหน้าและลิ้นบวม
- ตัวเหลือง หรือตาเหลือง (ดีซ่าน)
- กล้ามเนื้อขากรรไกร คอ และแผ่นหลังเกิดอาการเกร็งตัว
- บางส่วนของร่างกายมีอาการสั่นแบบควบคุมไม่ได้
- เลือดออกหรือเกิดจ้ำเลือดผิดปกติ
- ชัก
- ประสาทหลอน
ปฏิกิริยาของยา Amitriptyline เมื่อใช้ร่วมกับยาอื่น
ยา Amitriptyline อาจทำปฏิกิริยากับยาชนิดอื่นได้ ก่อนใช้ยานี้ คุณควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงยา อาหารเสริม วิตามิน และสมุนไพรใดชนิดใดก็ตามที่กำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาเหล่านี้
- ยาในกลุ่ม Monoamine oxidase inhibitor (MAOI) หรือเพิ่งหยุดใช้ยากลุ่ม MAOI ไปไม่เกิน 14 วัน ยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ Isocarboxazid, Phenelzine, Selegiline, Emsam, Tranylcypromine
- ยาแก้แพ้กลุ่ม Antihistamines
- Cimetidine
- ยาลดน้ำหนัก
- Disulfiram
- Guanethidine
- Ipratropium
- ยาที่ใช้ในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่ Flecainide, Propafenone
- ยาที่ใช้ในการรักษาโรควิตกกังวล โรคหอบหืด โรคหวัด โรคลําไส้แปรปรวน ความผิดปกติทางอารมณ์ อาการคลื่นไส้ โรคพาร์กินสัน อาการชัก โรคแผลทางเดินอาหาร หรือระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติ
- ยารักษาโรคซึมเศร้าตัวอื่นๆ
- Phenobarbital
- ยาระงับประสาท ยานอนหลับ ยารักษาอาการหวัด หรือยาอื่นๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอน
- ยากลุ่ม Selective serotonin reuptake inhibitor (SSRIs) เช่น Citalopram, Fluoxetine, Fluvoxamine, Paroxetine, Sertraline
- ยารักษาโรคไทรอยด์
- ยาคลายเครียด (ยากล่อมประสาท)
หากคุณเพิ่งหยุดรับประทานยา Fluoxetine มาไม่เกิน 5 สัปดาห์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เนื่องจากอาจจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนปริมาณยาหรือติดตามอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด
ปริมาณการใช้ยา Amitriptyline
Amitriptyline เป็นในรูปแบบยาเม็ด โดยปริมาณยาที่แนะนำในการรักษา คือ ผู้ใหญ่โดยทั่วไป รับประทาน 100-300 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้สูงอายุ รับประทานเพียง 25 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานปริมาณยาเริ่มต้นที่ 50-100 มิลลิกรัมต่อวัน อาจรับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้
การใช้ยา Amitriptyline เกินขนาด
หากคุณสงสัยว่าตนเองกำลังใช้ยาเกินขนาด ให้รีบติดต่อศูนย์พิษวิทยาที่หมายเลขโทรศัพท์ (800) 222-1222 หรือรีบไปพบแพทย์เพื่อรักษาโดยเร่งด่วน
หากคุณลืมรับประทานยา Amitriptyline ให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ แต่หากใกล้ถึงเวลารับประทานยามื้อถัดไป ให้ข้ามมื้อยาที่ลืมรับประทานและรับประทานยามื้อถัดไปตามปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มยาเป็นปริมาณ 2 เท่า
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับยา Amitriptyline
1. รับประทานยา Amitriptyline ขนาด 75 mg ก่อนนอน แล้วพบว่ามีก้อนนูนเกิดขึ้นบนหน้าผาก และสิวที่เป็นอยู่อักเสบขึ้นมาก ปกติมีโรคประจำตัวเป็นโรคปลอกประสาทอักเสบ (Multiple sclerosis) ด้วย
คำตอบ: จากข้อมูลรายละเอียดยา การเกิดสิวไม่ใช่อาการข้างเคียงที่พบได้บ่อย และไม่ใช่ผลข้างเคียงที่พบได้น้อยจากการใช้ยา Amitriptyline อย่างไรก็ตาม ตัวยาอาจจะเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวขึ้นได้ คุณควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความผิดปกติทางผิวหนังที่เกิดขึ้น
2. การใช้ยา Amitriptyline มีความสัมพันธ์กับภาวะสมองเสื่อมหรือไม่
คำตอบ: Amitriptyline อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึม รู้สึกสับสน และไม่มีสมาธิ คิดอะไรไม่ออก ผลจากหลายการศึกษาชี้ว่า ผู้ป่วยที่รับประทานยานี้สามารถพบการทำงานของสมองที่บกพร่องได้ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Amitriptyline และภาวะสมองเสื่อม ควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติม
3. หมอบอกว่าฉันมีอาการพิษต่อหัวใจ อาการดังกล่าวเป็นอันตรายไหมคะ หมอบอกว่าการรับประทานยา Amitriptyline เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการนี้ขึ้น ซึ่งเมื่อ 2 ปีที่แล้วน้องชายคนสุดท้องก็เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน ตอนนี้เลยกลัวว่าจะต้องเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับน้องชาย
คำตอบ: ภาวะเป็นพิษต่อหัวใจคือสภาวะที่กล้ามเนื้อหัวใจถูกทำลาย ทำให้หัวใจทำงานน้อยลงและไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงทั่วร่างกายได้เพียงพอ ภาวะเป็นพิษต่อหัวใจอาจมีสาเหตุมาจากยาหลายชนิด เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง การส่งผลให้เกิดความผิดปกติของหัวใจอาจเกิดขึ้นได้น้อย และการตรวจมีวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อน หรือบางรายอาจมีอาการรุนแรงจนถึงขั้นเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว มีเพียงแพทย์ผู้รักษาเท่านั้นที่สามารถประเมินได้ว่าความผิดปกติของหัวใจที่เกิดขึ้นอยู่ในระดับเล็กน้อย ปานกลาง หรือรุนแรง
4. ปัจจุบันกำลังรับประทาน Amitriptyline ขนาด 10 มิลลิกรัมก่อนนอน ระหว่างนี้จะยังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้หรือไม่ แล้วถ้าดื่มได้ควรรับประทานยาเวลาก่อนนอนเหมือนเดิมหลังจากดื่มแอลกอฮอล์ในตอนเย็น หรือควรรับประทานยาก่อนเวลาดื่มแอลกอฮอล์ในแต่ละวันคะ
คำตอบ: Amitriptyline อาจเพิ่มฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ยากลุ่มบาร์บิทูเรต และตัวยาอื่นๆ ที่มีผลต่อการทำงานของสมอง ซึ่งอาจทำให้เสี่ยงเกิดผลข้างเคียงจากยาได้มากขึ้น เช่น ง่วงซึม วิงเวียนศีรษะ มีความคิดอยากฆ่าตัวตาย และอาการอื่นๆ
หากต้องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างรับประทานยา Amitriptyline คุณควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาจะดีที่สุด
5. Amitriptyline ทำให้เกิดอาการปากแห้งคอแห้งได้หรือไม่ แล้วการหยุดยา Amitriptyline โดยทันทีทำได้หรือไม่
คำตอบ: Amitriptyline เป็นยารักษาโรคซึมเศร้าในกลุ่ม Tricyclic antidepressants อนุญาตให้นำมาใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้า จากข้อมูลการศึกษายา พบว่าภาวะน้ำลายแห้ง หรือปากคอแห้งเป็นอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ในผู้ป่วยที่รับประทานยานี้
หากคุณคิดว่า คุณมีอาการข้างเคียงจากการใช้ยาควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรหยุดยา หรือปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ยาเอง ที่สำคัญคุณควรรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด
หากต้องการหยุดใช้ยาควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้แพทย์ประเมินว่าควรหยุดใช้ยาหรือไม่ และให้แนวทางที่เหมาะสมในการหยุดใช้ยา รวมทั้งแนะนำหากต้องมีการใช้ยาอื่นๆ ที่จำเป็นเพิ่มเติม
6. หากหยุดรับประทานยา Amitriptyline ทันที โดยไม่ได้ค่อยๆ ปรับลดปริมาณยาไปเรื่อยๆ จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
คำตอบ: ไม่ควรหยุดใช้ยา Amitriptyline โดยไม่ปรึกษาแพทย์ ควรค่อยๆ ปรับลดขนาดยา โดยเฉพาะหากคุณรับประทานยาติดต่อมาเป็นระยะเวลาหนึ่ง
การหยุดใช้ยานี้โดยทันทีอาจทำให้เกิดอาการถอนยา เช่น คลื่นไส้ ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย และเหงื่อออก ทางที่ดีที่สุดคือค่อยๆ ปรับลดปริมาณการใช้ยาลงโดยใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 สัปดาห์
7. ยา Endep ทำให้เกิดอาการฝันร้ายหรือไม่
คำตอบ: Endep หรือ Elavil (Amitriptyline) เป็นยาในกลุ่ม Tricyclic antidepressants ซึ่งออกฤทธิ์โดยการปรับสมดุลของสารเคมีในสมอง จากรายละเอียดของข้อมูลยา Amitriptyline ที่ผ่านการตรวจสอบจากองค์การอาหารและยา พบว่าอาการฝันร้ายไม่ใช่ผลข้างเคียงของ Amitriptyline
อย่างไรก็ตาม ยารักษาโรคซึมเศร้าอาจก่อให้เกิดปัญหาในการนอนหลับ และสภาวะอารมณ์เปลี่ยนแปลง จึงเป็นไปได้ว่ายานี้อาจทำให้ผู้ป่วยบางรายฝันร้าย หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นหรือแย่ลงจนทนไม่ไหวให้ปรึกษาแพทย์ผู้รักษา
8. Amitriptyline เป็นยาอันตรายหรือไม่ เพราะเท่าที่อ่านดู มีคนพูดถึงผลเสียของยาตัวนี้มากมาย แต่สำหรับฉัน Amitriptyline เป็นยาตัวเดียวที่ช่วยรักษาอาการของโรคซึมเศร้าได้
คำตอบ: Elavil (Amitriptyline) เป็นยาในกลุ่ม Tricyclic antidepressants มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคซึมเศร้า และอาจนำมาใช้ในการรักษาโรคอื่นๆ ตามแพทย์เห็นเหมาะสม อาการข้างเคียงที่พบบ่อยของยา Amitriptyline ได้แก่ ปากแห้งคอแห้ง เบื่ออาหาร วิงเวียนศีรษะ ง่วงซึม และมองเห็นไม่ชัดเจน
อาการข้างเคียงอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่ ไม่มีสมาธิ ฝันร้าย สมรรถภาพทางเพศลดลง เป็นต้น
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อหาแนวทางรับมือกับอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะก่อนปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ยาหรือก่อนการรักษาใดๆ
หากแพทย์พิจารณาเลือกยาตัวใหม่ในการรักษา คุณควรแจ้งประวัติการใช้ยาต่างๆ ให้แพทย์ทราบ รวมทั้งยาที่ซื้อมาใช้เอง อาหารเสริม วิตามินเกลือแร่ และผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งหลาย แม้กระทั่งอาหารที่รับประทาน
ควรรวบรวม และทบทวนข้อมูลการใช้ยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทั้งหมดร่วมกับบุคลากรทางการแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อเป็นข้อมูลตรวจสอบปฏิกิริยาและอาการข้างเคียงของยา หลังจากเริ่มใช้ยาแล้ว ให้แจ้งบุคลากรทางการแพทย์เกี่ยวกับอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาด้วย
9. Amitriptyline ทำให้หย่อนสมรรถภาพทางเพศหรือไม่
คำตอบ: ปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศที่เกิดขึ้นจาก Amitriptyline มีความเกี่ยวข้องกับการออกฤทธิ์ของตัวยาและเป็นผลจากสารสื่อประสาทบางชนิด อย่างไรก็ตาม ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจทำให้อาการของโรคซึมเศร้ายิ่งแย่ลงได้เช่นกัน คุณจึงต้องพูดคุยกับแพทย์ผู้รักษาเกี่ยวกับอาการดังกล่าว
ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศที่เกิดขึ้นจาก Amitriptyline สามารถแก้ไขให้กลับมาเป็นปกติได้โดยการปรับปริมาณยาหรือเปลี่ยนตัวยาเป็นชนิดอื่น แต่คุณไม่ควรหยุดใช้ยา หรือปรับเปลี่ยนปริมาณการใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะการหยุดยารักษาโรคซึมเศร้าโดยทันทีอาจทำให้เกิดอาการถอนยาได้
ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ผู้รักษาเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมก่อน ซึ่งแพทย์จะแนะนำแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
10. แพทย์สั่งใช้ยา Amitriptyline ขนาด 10-20 มิลลิกรัม ให้รับประทานก่อนนอน แต่แพทย์ท่านอื่นเตือนว่าไม่ควรใช้ยาตัวนี้ในผู้สูงอายุ เลยรู้สึกเป็นกังวลค่ะ
คำตอบ: Amitriptyline เป็นยาในกลุ่ม Tricyclic antidepressants ซึ่งเป็นยากลุ่มเก่าที่ใช้รักษาโรคซึมเศร้ามานานหลายปี ยาชนิดนี้มีอาการข้างเคียงอื่นๆ เช่น อาการปวด วิตกกังวล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะไมเกรน
เหตุผลที่ยาชนิดนี้ไม่แนะนำให้ใช้ในผู้สูงอายุ เนื่องจากหากผู้ป่วยสูงอายุมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ ด้วย การใช้ยา Amitriptyline อาจทำให้อาการของโรคแย่ลงหรือกำเริบได้ โดยไม่แนะนำให้ใช้ยา Amitriptyline ในระหว่างที่โรคหัวใจกำเริบหรือมีภาวะหัวใจล้มเหลว
และยานี้จะทำให้ความดันโลหิตต่ำลง หัวใจเต้นผิดปกติ การนำกระแสไฟฟ้าของหัวใจผิดปกติ ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมาก่อนจึงต้องระมัดระวังในการใช้ยานี้
นอกจากนี้ ผู้สูงอายุตอบสนองต่อยา Amitriptyline ไวกว่าผู้ป่วยทั่วไป ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เช่น อาการคุ้มคลั่ง และสมองสับสน แพทย์จึงให้เริ่มต้นใช้ยานี้ด้วยปริมาณยาที่ต่ำกว่าปกติ และติดตามการใช้ยาอย่างใกล้ชิด
ในระหว่างนี้คุณสามารถวางใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาจากการใช้ยานี้ หากคุณพบอาการผิดปกติหรือมีความรู้สึกผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ผู้สั่งยาโดยทันที
11. การรับประทาน Amitriptyline ในปริมาณต่ำสามารถลดอาการปวดท้องได้หรือไม่
คำตอบ: Amitriptyline เป็นยาในกลุ่ม Tricyclic antidepressants มีข้อบ่งใช้ที่ได้รับอนุญาตจากองค์การอาหารและยาในการรักษาโรคซึมเศร้า ในบางครั้งแพทย์อาจสั่งใช้ยานี้ในการรักษาโรคอื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุไว้ในฉลากยา หรือไม่มีข้อมูลในการสั่งใช้ยาตามปกติ
ซึ่งข้อบ่งใช้อื่นของ Amitriptyline ได้แก่ บรรเทาอาการปวดเรื้อรังบางชนิดและอาการปวดปลายประสาท รักษาและป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรน รักษาโรคซึมเศร้าในเด็ก และรักษาโรคเครียดหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD)
ไม่ควรใช้ Amitriptyline เพื่อรักษาอาการอื่น หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มเติมควรปรึกษาแพทย์
12. เมื่อเกิดอาการท้องอืดและง่วงนอนจากยา Amitriptyline ควรรักษาอย่างไร
คำตอบ: คุณสามารถรับประทานยา Amitriptyline ในเวลาใดของวันก็ได้ รับประทานพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ แต่แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยรับประทานยาก่อนนอน เนื่องจากตัวยามีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการง่วงนอนอย่างมาก
อาการง่วงซึมอาจเกิดขึ้นโดยทันทีหลังเริ่มใช้ยา ฉะนั้น ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงที่รุนแรงเมื่อรับประทานร่วมกับยา Amitriptyline รวมถึงเกรปฟรุ๊ต และน้ำเกรปฟรุ๊ต ที่อาจเกิดปฏิกิริยากับยา Amitriptyline
หากรับประทานผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเกรปฟรุ๊ตควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา Amitriptyline
สำหรับปัญหาท้องอืดในกระเพาะอาหารและลำไส้จากการใช้ยา Amitriptyline บรรเทาได้ด้วยการรับประทานยาแก้ท้องอืด Simethicone ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดแน่นท้องที่เกิดจากแก๊สในกระเพาะอาหารและลำไส้ เป็นยาที่นำมาใช้ได้อย่างปลอดภัย
ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับอาการที่เกิดขึ้นเพื่อประเมินและค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ไม่ควรหยุดรับประทานยา Amitriptyline โดยทันที มิฉะนั้นอาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์
การใช้ยา Amitriptyline ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ หรือเภสัชกรเท่านั้น เพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ไม่หยุดยา หรือเพิ่มขนาดยาด้วยตัวเอง รวมถึงติดตามอาการกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชั่นล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android