โรคภูมิแพ้เป็นกลุ่มของโรคที่มีอาการแสดงได้หลายระบบ เกิดจากปฏิกิริยาของร่างกายต่อสารก่อภูมิแพ้ ปัจจุบันความชุกของโรคกลุ่มนี้มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สารก่อภูมิแพ้คืออะไร สารที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการของโรคภูมิแพ้ ซึ่งอาจเป็นสารที่ร่างกายได้รับโดยการฉีด กิน หายใจ หรือสัมผัสก็ได้ มีทั้งสารก่อภูมิแพ้ในบ้าน เช่น ไรฝุ่น แมลงสาบ ขน และรังแคของสัตว์เลี้ยง เชื้อรา ควันบุหรี่ นอกจากนั้นยังมีสารก่อภูมิแพ้นอกบ้านอีกเช่น เกสรหญ้า เกสรดอกไม้ ควัน และฝุ่นต่าง ๆ
โรคภูมิแพ้ หรือโรคแพ้ (Allergy) หมายถึง โรคที่เกิดขึ้นกับผู้ที่มีอาการไวต่อสิ่ง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดภูมิแพ้ (Allergen) ซึ่งธรรมชาติของสารเหล่านี้อาจไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้กับคนปกติทั่วไป แต่จะเกิดกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้เท่านั้น โรคภูมิแพ้สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่ที่สังเกตได้ชัด คือ เด็กอายุ 5 ปี ถึง 15 ปี มักพบว่าเป็นบ่อยกว่าช่วงอายุอื่น ๆ เนื่องจากว่าเป็นช่วงเวลาที่โรคจะแสดงอาการออกมา หลังจากที่ได้รับ “สิ่งกระตุ้น” มานานเพียงพอ อย่างไรก็ตามบางคนนั้นอาจเริ่มเป็นโรคภูมิแพ้ในตอนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วก็ได้

โรคภูมิแพ้นั้นมิใช่โรคติดต่อ แต่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมจากรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย พ่อ แม่ มาสู่รุ่นของลูกหลานได้ อาจพบว่าในครอบครัวผู้ป่วยนั้นมีสมาชิกป่วยเป็นโรคภูมิแพ้หลายคน ตัวการที่ทำให้เกิดอาการแพ้ เรียกว่า สารก่อภูมิแพ้ (Allergens) หรือสิ่งกระตุ้น ซึ่งอาจเข้าสู่ร่างกายของเราได้หลายทาง เช่น ทางด้านระบบหายใจ ทางการรับประทานอาหาร การสัมผัสทางผิวหนัง ทางตา ทางหู ทางจมูก หรือโดยการฉีด หรือถูกกัดต่อยผ่านผิวหนัง ตัวการที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้มีอยู่รอบ ๆ ตัว และยังสามารถกระตุ้นอวัยวะต่าง ๆ จนก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

อาการของโรคภูมิแพ้ เกิดขึ้นได้หลายระบบ เช่น อาการคัดจมูก จาม น้ำมูกไหล เป็นประจำ ที่เรียกว่า “แพ้อากาศ” อาการไอ หอบ เหนื่อย โรคหอบหืด ผื่นตามตัว ลมพิษเรื้อรัง คันตา ตาแดง และท้องเสีย เมื่อเกิดโรคภูมิแพ้ขึ้น ก็มีความจำเป็นจะต้องทราบว่าแพ้อะไร เนื่องจากการรักษาที่ดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ หากทดสอบแล้รู้ว่าแพ้อะไรก็ต้องหลีกเลี่ยง หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ต้องใช้ยารักษา แต่เป็นการยากที่จะบอกว่าผู้ป่วยแพ้อะไรโดยอาศัยเพียงประวัติ และการตรวจร่างกาย หากสงสัยว่าเป็นภูมิแพ้ ต้องรีบปรึกษาแพทย์เพื่อซักประวัติภูมิแพ้ และตรวจร่างกาย หากอาการภูมิแพ้เป็นมาก แพทย์ก็จะทดสอบภูมิแพ้
การรักษาโรคภูมิแพ้ ต้องหาสาเหตุของอาการแพ้เพื่อจะได้หลีกเลี่ยง โดยอาจหาสาเหตุได้จากการสังเกต เช่น อาการแพ้อาหารบางชนิดหรือทำการตรวจภูมิแพ้ ซึ่งทำได้ทั้งการตรวจทางผิวหนัง (Allergy test) ในรายที่อาการไม่รุนแรง สามารถใช้ยารับประทาน เช่น ยาแก้แพ้ หรือยาพ่น ตามอาการได้ ในผู้ป่วยที่มีอาการเรื้อรัง หรือมีอาการรุนแรง เช่น มีอาการหอบ ไซนัสอักเสบ สมครทดสอบภูมิแพ้ และฉีดยารักษาภูมิแพ้