5 อาหารธรรมดา แต่รับประทานมากเกินไปกลับอันตราย

เผยแพร่ครั้งแรก 28 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
5 อาหารธรรมดา แต่รับประทานมากเกินไปกลับอันตราย

สำหรับนักรักสุขภาพแล้ว การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่บางคนก็จริงจังมากเกินไปจนถึงขั้นประโคมอาหารเหล่านี้ใส่ร่างกายโดยไม่คำนึงถึงปริมาณที่เหมาะสมหรือความหลากหลายในการเลือกรับประทาน พฤติกรรมเหล่านี้กลายเป็นอีกหนึ่งปัญหาใหญ่ในสังคมต่างประเทศที่ทำให้นักโภชนาการหลายท่านต้องออกมาเตือน

HonestDocs จึงได้รวบรวมคำเตือนและคำแนะนำต่างๆเหล่านี้ไว้ในบทความนี้เพื่อให้นักรักสุขภาพทั้งหลายได้รู้เท่าทัน 5 สุดยอดอาหารที่สามารถส่งผลเสียต่อสุภาพได้ หากบริโภคมากเกินไป

1. น้ำเปล่า

หนึ่งในสุดยอดเครื่องดื่มที่ได้ชื่อว่าไม่เคยทำให้ใครผิดหวังก็คือน้ำเปล่า หลายคนเข้าใจว่ายิ่งดื่มน้ำมากก็ยิ่งดีต่อสุขภาพ แต่การดื่มน้ำที่มากเกินไปจะทำให้ปริมาณโซเดียมในเลือดถูกเจือจางลงไปได้ ซึ่งทำให้สมองทำงานผิดปกติ และผลลัพธ์ที่ร้ายแรงที่สุดก็คือการเสียชีวิต

บางท่านมีข้อข้องใจว่า การดื่มน้ำมากเกินไปสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือ? เพราะส่วนใหญ่แล้วคนเรามักประสบปัญหาการดื่มน้ำน้อยเสียมากกว่า คำตอบคือ สามารถเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนและเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ซึ่งมักเกิดขึ้นกับนักกีฬา โดยเฉพาะนักวิ่งมาราธอนที่มักเข้าใจว่าต้องทดแทนเหงื่อที่เสียไปด้วยการดื่มน้ำเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว

การควบคุมดูแลปริมาณน้ำเปล่าที่บริโภคนั้นควรอยู่ที่ 6 ถึง 8 แก้วต่อวัน หากไม่สะดวกที่จะคำนวณแก้วต่อแก้ว ให้สังเกตจากสีของน้ำปัสสาวะ ถ้ามีสีใสมากแทบจะทุกครั้ง แนะนำให้ดื่มน้ำให้น้อยลงเพื่อลดความเสี่ยง

2. ปลาทูน่า

ปลาทูน่าเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำและอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นมากมาย แต่กลับถูกจัดไว้ในกลุ่มอาหารที่ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เหตุผลหลักๆเลยก็คือ ปลาทูน่านั้นมีระดับสารปรอทที่สูงกว่าปลาชนิดอื่นๆมาก ซึ่งเมื่อร่างกายของเราได้รับสารปรอทมากเกินไปจะมีผลกระทบต่อการมองเห็น การได้ยิน มีการตอบสนองที่ช้าลง และทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง

คำแนะนำคือ ไม่ควรรับประทานปลาทูน่ามากกว่า 5 กระป๋องต่อสัปดาห์ หรือลองสลับมารับประทานอาหารทะเลชนิดอื่นบ้าง เช่น ปลาแซลมอน หรือ กุ้ง ที่มาปริมาณสารปรอทที่น้อยกว่า

3. ส้มและมะเขือเทศ

สุดยอดอาหารบำรุงผิวอย่างส้มและมะเขือเทศก็ทำร้ายเราได้เช่นกัน เพราะมีปริมาณกรดที่ค่อนข้างสูง การบริโภคส้มและมะเขือเทศมากเกินไปจะทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนในกระเพาะอาหาร และหากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานอาจนำไปสู่โรคมะเร็งหลอดอาหารได้ในที่สุด

ปริมาณการบริโภคส้มและมะเขือเทศอย่างเหมาะสมนั้นไม่ควรเกินอย่างละ 2 ผลต่อวัน

4. ถั่วเหลือง

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบการรับประทานเต้าหู้หรือดื่มนมถั่วเหลือง ควรควบคุมปริมาณการบริโภคอาหารกลุ่มนี้ให้ดี จริงอยู่ถั่วเหลืองช่วยลดปริมาณไขมันในเลือดได้ แต่หากทานมากเกินไปจะกลายเป็นตัวขัดขวางธาตุเหล็กในร่างกายและทำให้เกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูกได้

นักโภชนาการไม่ได้มีคำแนะนำเกี่ยวกับการรับประทานถั่วเหลืองที่ชัดเจนนัก แต่ทางที่ดีควรควบคุมไม่ให้เกิน 2 เสิร์ฟต่อวัน

5. ผักโขม

ผักโขมนั้นอุดมไปด้วยโปรตีน เกลือแร่ แร่ธาตุ ใยอาหาร และสารอาหารประเภทลูทีน (lutein) ที่ช่วยในการบำรุงสายตาได้ดี แต่ผักโขมก็มีปริมาณออกซาเลต (oxalate) ที่สูงเช่นกัน ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดนิ่วในไต ผักโขมจึงเป็นอาหารต้องห้ามของผู้ป่วยกลุ่มนี้ด้วย

ปริมาณของการบริโภคผักโขมในแต่ละวันนั้นไม่ได้ถูกจำกัดอย่างเช่นเจนอีกเช่นกัน ซึ่งสิ่งที่เราแนะนำคือหลีกเลี่ยงการรับประทานผักโขมจำเจทุกมื้ออาหาร ลองเปลี่ยนเป็นผักชนิดอื่นดูบ้างเพื่อความหลากหลายของสารอาหาร


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
How to stop overeating: Effective strategies for controlling appetite. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/325258)
23 Ways to Stop Overeating. Healthline. (https://www.healthline.com/nutrition/how-to-stop-overeating)
Overeating: the health risks. National Center for Biotechnology Information. (https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pubmed/11707547)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป