ภกญ. กันยรัตน์ ภัยชำนาญ เภสัชกร
เขียนโดย
ภกญ. กันยรัตน์ ภัยชำนาญ เภสัชกร
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

ยาขับเสมหะ (Expectorants) และ ยาละลายเสมหะ (Mucolytics)

แนะนำทุกเรื่องของยาขับเสมหะ และ ยาขับเสมหะ ตั้งแต่กลไกการออกฤทธิ์ ตัวอย่างยาขับเสมหะที่จำหน่ายในประเทศไทย ข้อดี-ข้อเสีย และข้อควรระวังในการใช้
เผยแพร่ครั้งแรก 8 เม.ย. 2019 อัปเดตล่าสุด 5 ม.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 2 พ.ค. 2019 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
ยาขับเสมหะ (Expectorants) และ ยาละลายเสมหะ (Mucolytics)

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ยาขับเสมหะ (Expectorants) เป็นกลุ่มยาที่ช่วยขับมูก หรือเสมหะภายในระบบทางเดินหายใจที่มีมากเกินนั้นให้มีความลื่น ไม่ข้นเหนียว ขับออกมาได้ง่ายขึ้น
  • ยาขับเสมหะมักนำมาใช้รักษาอาการมีเสมหะคั่ง เนื่องจากโรคหวัด โรคภูมิแพ้ และภาวะติดเชื้อ หรืออาจนำมาใช้รักษาโรคอื่นๆ ในระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้สั่งจ่าย
  • ยาขับเสมหะเป็นยาที่สามารถซื้อเองได้จากร้านยาทั่วไป มีผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรงเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้บ้างในบางราย เช่น เวียนศีรษะ ง่วงนอน มีผื่นขึ้น หายใจไม่ออก 
  • ยาละลายเสมหะ (Mucolytics) เป็นยาที่ใช้อย่างแพร่หลายและหาซื้อได้ในร้านยาเช่นกัน มีทั้งแบบที่เป็นสูตรตำรับเดี่ยวๆ และแบบที่เป็นสูตรรวมระหว่างยาละลายเสมหะหลายตัว ยาละลายเสมหะมักนำมาใช้เพื่อทำให้ความข้นเหนียวของเสมหะลดลงและกำจัดออกมาได้ง่ายขึ้น
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย

ยาขับเสมหะ (Expectorants) เป็นยาที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เนื่องจากหาซื้อได้ด้วยตนเองในร้านยา ยาขับเสมหะโดยมากจะผสมอยู่ในยาแก้ไอชนิดน้ำ นอกจากนี้ยังมียาขับเสมหะโดยเฉพาะในรูปแบบยาน้ำ หรือยาเม็ด ซึ่งสามารถพบเห็นได้ทั่วไป 

ยาขับเสมหะมักนำมาใช้รักษาอาการมีเสมหะคั่ง เนื่องจากโรคหวัด โรคภูมิแพ้ และภาวะติดเชื้อ หรืออาจนำมาใช้รักษาโรคอื่นๆ ในระบบทางเดินหายใจ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้สั่งจ่าย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

กลไกการออกฤทธิ์ของยาขับเสมหะ

ยาขับเสมหะ (Expectorants) เป็นกลุ่มยาที่ช่วยขับมูก หรือเสมหะภายในระบบทางเดินหายใจที่มีมากเกินนั้นออกมาได้ง่ายขึ้น 

โดยปกติกลไกตามธรรมชาติของร่างกายจะใช้การกระแอม หรือการไอ เพื่อขยับหลอดลมและหลอดอาหารให้เสมหะ หรือมูกออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น กลุ่มยาขับเสมหะนี้จะไปช่วยกระตุ้นให้มีการพัดโบกของขน (celia) ในทางเดินหายใจ เพื่อช่วยให้ไอและขับเอามูกออกมาได้มากขึ้น 

นอกจากนี้ยายังออกฤทธิ์ไประคายเคืองเยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายมีกลไกตอบสนองคือ กระตุ้นให้เยื่อบุส่วนนั้นหลั่งสารคัดหลั่งมากขึ้นเพื่อให้เสมหะลื่น ไม่ข้นเหนียว และขับออกมาได้ง่ายกว่าเดิม

ยาขับเสมหะในประเทศไทย

ยาขับเสมหะทุกตัวมีกลไกการออกฤทธิ์ที่เหมือนกัน ทำให้ทุกตัวมีประสิทธิภาพในการขับเสมหะที่เท่าเทียมกัน แต่แตกต่างกันที่ผลข้างเคียงและราคา 

ตัวยาขับเสมหะที่มีใช้ในปัจจุบัน มีดังนี้

1.แอมโมเนียม คลอไรด์ (Ammonium Chloride) 

เป็นยาที่มีฤทธิ์ขับเสมหะ และยังมีฤทธิ์อื่นอีกด้วย จึงจัดเป็นตัวยาที่มีหลากหลายข้อบ่งใช้ ดังเช่น ขับปัสสาวะ ปรับความเป็นกรดด่างของปัสสาวะและขับเสมหะ 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ยุค New Normal สุขภาพ เป็นสิ่งที่ทุกคนใส่ใจมากยิ่งขึ้น

ถ้าเริ่มมีอาการเจ็บคอ คันคอ ระคายคอ หรือมีเสมหะ เหนียวคอ มาดู 5 วิธี บรรเทาง่ายๆ ได้ผล อย่ารอให้เป็นหนัก

ทั้งยังเป็นยาที่มีผลข้างเคียงสูงกว่าชนิดอื่นคือ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือมีอาการคลื่นไส้อาเจียนได้ง่าย จึงไม่นิยมนำมาใช้เป็นยาขับเสมหะเป็นหลัก แต่อาจจะนำไปใช้ผสมกับยาขับเสมหะกัวฟีนีซีน หรือยาแก้ไอ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการขับเสมหะ 

ยาตัวนี้จะเน้นใช้ในการขับปัสสาวะและปรับกรดด่างในปัสสาวะของผู้ที่เป็นโรคไต หรือในผู้ที่มีระบบทางเดินปัสสาวะผิดปกติมากกว่า

2.กัวฟีนีซีน (Guafenesin หรือ Glycerol Guaicolate) 

เป็นยาขับเสมหะชนิดหลักที่มีใช้มานานและได้รับความนิยมสูง พบได้ในร้านขายยาทั่วไป มีทั้งรูปแบบยาเม็ดและยาน้ำ ทั้งตำรับยาเดี่ยวและชนิดยาผสม โดยอาจจะผสมกับยาขับเสมหะชนิดอื่น ยาแก้แพ้ หรือยาแก้ไอ 

ตัวอย่างชื่อการค้าที่พบได้เช่น Icolid, Terco-D, D-Coat, ยาแก้ไอน้ำดำ ตราเสือดาว ยาชนิดนี้จะมีราคาไม่แพงและมีผลข้างเคียงต่ำ อาจจะมีคลื่นไส้ หรือระคายเคืองทางเดินอาหารได้บ้างในบางราย แต่พบได้น้อย

3.เทอร์พีน ไฮเดรต (Terpin hydrate) 

ตัวยาชนิดนี้สกัดได้จากน้ำมันหอมระเหยของพืช เช่น น้ำมันสน น้ำมันยูคาลิปตัส น้ำมันออริกาโน่ ทำให้มีต้นทุนสูง มีประสิทธิภาพในการขับเสมหะดีพอกับชนิดอื่นแต่ราคาแพงกว่าชนิดอื่น นิยมใช้ในประเทศอเมริกา 

ในประเทศไทยจะนิยมนำยาตัวไปผสมกับยาแก้ไอ หรือยาขับเสมหะชนิดอื่น เช่น กัวฟีนีซีน โดยมีทั้งในรูปแบบเม็ดและรูปแบบน้ำ ผลข้างเคียงมีน้อย แต่อาจจะกดการหายใจ และปัสสาวะคั่งได้เมื่อใช้ในปริมาณมาก

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของยาขับเสมหะ

ยาขับเสมหะเป็นยาที่สามารถซื้อเองได้จากร้านยาทั่วไป มีผลข้างเคียงน้อยและไม่รุนแรงเมื่อใช้ในปริมาณที่เหมาะสม แต่ก็อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้บ้างในบางราย เช่น

  • เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ 
  • ง่วงนอน
  • มีผื่นขึ้น ในผู้ที่มีอาการแพ้ยากลุ่มนี้
  • หายใจไม่ออก ในผู้ที่มีอาการแพ้ยากลุ่มนี้
  • หน้าบวม ปากบวม ในผู้ที่มีอาการแพ้ยากลุ่มนี้
  • คลื่นไส้ อาเจียน หรือปวดท้อง
  • เด็กที่อายุมากกว่า 4 ปีสามารถใช้ยากลุ่มนี้ได้ ทั้งนี้แล้วแต่แพทย์หรือเภสัชกรจะเป็นผู้กำหนดขนาด หรือปริมาณการใช้ที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละราย
  • หญิงตั้งครรภ์สามารถใช้ยาขับเสมหะได้ แต่ต้องใช้ในปริมาณตามที่ระบุในฉลากยาเท่านั้น และต้องปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเสมอ

ยาละลายเสมหะ

ยาละลายเสมหะ (Mucolytics) เป็นยาที่ใช้อย่างแพร่หลายและหาซื้อได้ในร้านยาเช่นกัน มีทั้งแบบที่เป็นสูตรตำรับเดี่ยวๆ และแบบที่เป็นสูตรรวมระหว่างยาละลายเสมหะหลายตัว ยาขับเสมหะ หรือ ยากดอาการไอ แล้วแต่สูตรตำรับของแต่ละบริษัท มีทั้งรูปแบบยาน้ำและยาเม็ด 

ยาละลายเสมหะมักนำมาใช้เพื่อทำให้ความข้นเหนียวของเสมหะลดลงและกำจัดออกมาได้ง่ายขึ้น

ตัวอย่างยาในกลุ่มนี้ ได้แก่ อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) คาร์โบซิสเทอีน (Carbocysteine) แอมบรอกซอล (Ambroxol) และ บรอมเฮกซีน (Bromhexine) เป็นต้น

กลไกการออกฤทธิ์ของยาละลายเสมหะ

ยาละลายเสมหะ (Mucolytics) แต่ละตัวมีกลไกการออกฤทธิ์แตกต่างกัน แต่ต่างก็มีผลทำให้เสมหะมีความข้นเหนียวลดลง ดังนี้

  • อะเซทิลซิสเทอีน (Acetylcysteine) และ คาร์โบซิสเทอีน (Carbocysteine) มีกลไกการออกฤทธิ์คือ การไปทำให้การเกาะกันของพันธะไดซัลไฟด์ของเสมหะลดลง เสมหะจึงมีความข้นเหนียวลดลง
  • แอมบรอกซอล (Ambroxol) และบรอมเฮกซีน (Bromhexine) กระตุ้นให้ทางเดินหายใจหลั่งสารที่ทำให้เสมหะมีความข้นเหนียวน้อยลง พร้อมกับกระตุ้นการพัดโบกของขนเล็กๆ (Celia) บริเวณทางเดินหายใจ ทำให้ขับเสมหะออกมาได้ง่ายขึ้น

ข้อควรระวังและผลข้างเคียงของยาละลายเสมหะ

  • ปวด หรือเวียนศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง และอาจมีเลือดออกในทางเดินอาหาร
  • ควรระวังการใช้เป็นพิเศษในผู้ที่มีประวัติมีแผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้ และผู้ป่วยโรคหอบหืด
  • ควรระวังการใช้ในเด็กสำหรับยาทุกตัวในกลุ่มนี้
  • ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี สำหรับยาแอมบรอกซอล
  • ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี สำหรับยาบรอมเฮกซีน
  • ควรระวังการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี สำหรับยาคาร์โบซิสเทอีน อีกทั้งไม่มีหลักฐานเพียงพอว่าใช้ได้ผลในการรักษา
  • ควรระมัดระวังการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่กำลังให้นมบุตร

หากมีปัญหาเรื่องน้ำมูกและเสมหะ แต่ไม่แน่ใจว่า ควรใช้ยาชนิดใดจึงจะเหมาะสมกับอาการและข้อบ่งชี้ทางสุขภาพควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนการใช้ยา หรือใช้บริการปรึกษาแพทย์ออนไลน์เพื่อได้รับคำแนะนำเบื้องต้นก่อน

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจสุขภาพผู้หญิง ผู้ชายทุกวัย จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)