กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

อาการสติแตกคืออะไร?

สติแตกเป็นยังไง เกิดจากอะไร รักษาได้อย่างไร
เผยแพร่ครั้งแรก 24 ต.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
อาการสติแตกคืออะไร?

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • อาการสติแตก เป็นอาการที่เกิดจากความเครียด หรือความวิตกกังวลอย่างรุนแรง และไม่สามารถหาวิธีจัดการกับปัญหา หรือสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ได้
  • นอกจากอาการสติแตก ผู้ที่มีอาการสติแตกยังอาจมีอาการหายใจลำบาก นอนไม่หลับ ความดันโลหิตสูง ไม่รักษาสุขอนามัยร่างกาย แยกตัวจากสังคมร่วมด้วย
  • ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการสติแตกมีหลายอย่าง เช่น ความเครียดในการทำงาน การเรียน ปัญหาด้านการเงิน มีเหตุสะเทือนจิตใจเกิดขึ้นในชีวิต มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า
  • อาการสติแตกสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ผ่านการพบจิตแพทย์เพื่อหาวิธีจัดการกับความเครียด การทำจิตบำบัด และรับประทานยาตามจิตแพทย์สั่ง การงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มคาเฟอีน วางแผนการนอนหลับให้เป็นระเบียบ และเพียงพอต่อร่างกาย 
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจปรึกษาสุขภาพจิต

"อาการสติแตก" อาจฟังดูเป็นอาการร้ายแรง น่ากลัว และเกิดในผู้ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แต่ความจริงคนเรานั้นมีสิทธิ์เกิดอาการสติแตกได้ หากไม่สามารถรับมือกับปัญหา หรือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ 

ความหมายของอาการสติแตก

อาการสติแตก เป็นคำที่ใช้เรียกช่วงเวลาที่มีความเครียดทางจิตใจอย่างรุนแรง ในอดีตเคยมีการใช้คำนี้เพื่อหมายถึงอาการของโรคจิตเวชหลายอย่าง เช่นโรคซึมเศร้า โรควิตกกังวล และโรคเครียดฉับพลัน 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ถึงแม้ว่าคำนี้นั้นจะไม่ใช่ศัพท์ทางการแพทย์อีกต่อไป แต่ก็ยังมีการใช้อธิบายอาการที่มีความเครียดรุนแรง และการที่ไม่สามารถจัดการกับปัญหาในชีวิตได้ ซึ่งอาจจะเป็นอาการของโรคทางจิตเวชที่ยังไม่ได้รับการวินิจฉัย

ภาวะนี้นั้นไม่มีคำนิยามที่เป็นมาตรฐาน แต่มักจะมองว่าเป็นช่วงเวลาที่ร่างกาย และจิตใจนั้นเกิดความเครียดอย่างรุนแรงจนส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

อาการที่พบบ่อยในช่วงที่สติแตก

คุณอาจมีอาการทั้งทางกาย และจิตใจอื่นๆ ร่วมด้วยได้ในระหว่างที่มีอาการสติแตก ซึ่งอาการนั้นจะขึ้นกับแต่ละบุคคล และโรคประจำตัวนั้นก็ส่งผลต่ออาการที่เกิดขึ้นเช่นกัน

  • อาการเศร้า เช่น หมดหวัง มีความคิดอยากทำร้ายตนเอง หรือฆ่าตัวตาย
  • อาการวิตกกังวลร่วมกับมีอาการความดันโลหิตสูง กล้ามเนื้อเกร็ง มือเปียก มึนหัว มวนท้อง และตัวสั่น
  • นอนไม่หลับ
  • เห็นภาพหลอน
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง 
  • มีอาการหวาดระแวงโดยไม่ทราบสาเหตุ
  • เจ็บหน้าอก 
  • ไม่อยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง มีความกลัวอย่างรุนแรง 
  • หายใจลำบาก

นอกจากนี้ผู้ที่มีอาการสติแตกนั้นยังอาจจะแยกตัวออกจากครอบครัว เพื่อนและผู้ร่วมงาน โดยมีอาการเช่น

  • หลีกเลี่ยงการเข้าสังคม และกิจกรรมกับผู้อื่น
  • รับประทานอาหาร และนอนหลับได้ไม่ดี
  • มีสุขอนามัยที่ไม่ดี
  • ลาป่วยติดต่อกันหลายวันหรือไม่มาทำงานเลย
  • แยกตัวออกจากคนอื่นในบ้าน

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดอาการสติแตก

ผู้ป่วยอาจจะบอกว่ามีภาวะสติแตกเวลาที่มีความเครียดสูงเกินกว่าที่จะรับไหว และความเครียดนั้นเกิดจากปัจจัยภายนอก ตัวอย่างเช่น

  • ความเครียดในที่ทำงานเรื้อรัง หรือการเรียน 
  • เพิ่งมีเหตุการณ์ที่สะเทือนจิตใจเช่นการเสียชีวิตของคนในครอบครัว
  • ปัญหาทางด้านการเงินที่รุนแรง เช่นการกำลังจะถูกฟ้องล้มละลาย
  • การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิต เช่น การหย่าร้าง พ่อแม่แยกทางกัน การทะเลาะกับเพื่อนสนิท
  • นอน และพักผ่อนได้น้อย
  • มีประวัติเป็นโรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้า
  • มีประวัติครอบครัวเป็นโรควิตกกังวล หรือเป็นโรคซึมเศร้า
  • เพิ่งได้รับบาดเจ็บ หรือมีการเจ็บป่วยที่ทำให้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ยาก

การรักษา

คุณสามารถหยุดวงจรความเครียดทั้งทางใจหรือทางพฤติกรรมได้โดย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • เข้ารับการบำบัดด้วยการพูดคุย หรือการทำ Cognitive behavioral therapy
  • รับประทานยาตามจิตแพทย์สั่ง เช่น ยาต้านเศร้า หรือยาลดอาการวิตกกังวล เพื่อรักษาสมดุลทางเคมีที่ผิดปกติ
  • เลือกรับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การฝังเข็ม การนวด หรือการเล่นโยคะ
  • เมื่อเกิดอาการเครียด หรือใกล้เกิดอาการสติแตก ให้ลองหายใจลึกๆ อย่างช้าๆ ระหว่างนั้นนับ 1-10 เพื่อให้ร่างกาย และจิตใจสงบลง
  • ลดการดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน และแอลกอฮอล์
  • วางแผนตารางการนอนที่จะทำให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น เช่น การแช่น้ำ การปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า หรือการอ่านหนังสือก่อนเข้านอน

เมื่อไหร่ที่ต้องไปพบแพทย์

มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติที่จะรู้สึกว่า ตนเองนั้นไม่สามารถจัดการกับความเครียดในชีวิตได้ เพราะคุณอาจกำลังไม่ได้จัดการกับความเครียดในวิธีที่ดี หรือเหมาะสมพอ 

หากคุณเริ่มมีปัญหากับการใช้ชีวิตประจำวัน อาการสติแตกนั้นอาจจะเป็นสัญญาณของการเป็นโรคจิตเวชได้ ดังนั้นหากคุณรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ควรไปพบแพทย์ทันที

แพทย์สามารถช่วยรักษาอาการทางกาย และส่งต่อเพื่อไปพบกับจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาซึ่งจะช่วยรักษาอาการทางด้านอารมณ์ จิตใจและพฤติกรรม ผู้ที่ดูแลผู้ป่วยควรติดต่อแพทย์ทันที หากกังวลว่า ผู้ป่วยกำลังมีอาการทางจิต หรือมีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรม

เคล็ดลับในการดูแลตัวเอง

การปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตนั้นสามารถช่วยป้องกันการเกิดภาวะสติแตกได้ และยังสามารถช่วยลดความรุนแรงและความถี่ในการเกิดอาการได้อีกด้วย เช่น

  • การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ เช่นการเดินรอบๆ หมู่บ้านเป็นเวลา 30 นาที
  • ไปพบนักบำบัดหรือผู้ให้คำปรึกษาเพื่อจัดการกับความเครียด
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยา บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และสารอื่นๆ ที่จะทำให้ร่างกายเกิดความเครียด
  • นอนหลับให้เพียงพออย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อคืนเป็นประจำ
  • นำเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การฝึกการหายใจมาใช้ชีวิตประจำวัน
  • ลดระดับความเครียดด้วยการออกไปเอง พัก จัดการกับสิ่งแวดล้อมและกิจกรรมในแต่ละวันและจดรายการสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน คุณสามารถเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ด้วยตัวเอง แต่การไปพบแพทย์อาจจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนการรักษาที่ดีขึ้นได้

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจปรึกษาสุขภาพจิต จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


10 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Recognizing An Emotional Breakdown. Everyday Health. (https://www.everydayhealth.com/emotional-health/recognizing-emotional-breakdown/)
What Is a Nervous Breakdown?. Verywell Mind. (https://www.verywellmind.com/what-is-a-nervous-breakdown-4172381)
Nervous breakdown: Signs, symptoms, and treatment. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/321018)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป