กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD
ทีมแพทย์ HD
ตรวจสอบความถูกต้องโดย
ทีมแพทย์ HD

นิ่วในถุงน้ำดี (Gallstones in the gallbladder)

เผยแพร่ครั้งแรก 11 มี.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 29 มี.ค. 2021 ตรวจสอบความถูกต้อง 1 เม.ย. 2019 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • ถุงน้ำดี มีหน้าที่เก็บน้ำดีซึ่งเป็นสารที่ตับสร้างขึ้นมา และปล่อยน้ำดีเข้าไปยังลำไส้เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร
  • นิ่วในถุงน้ำดีมักจะฝังตัวอยู่ในถุงน้ำดีและไม่สร้างปัญหาใดๆ แต่บางครั้งก็ไปปิดกั้นท่อถุงน้ำดี ทำให้เกิดปัญหาตามมาได้
  • ผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าผู้ชาย
  • ปวดท้อง ปวดหลัง คลื่นไส้ อาเจียน อาหารไม่ย่อย คืออาการเบื้องต้นของนิ่วในถุงน้ำดี
  • หากไม่แน่ใจว่าคุณเป็นนิ่วในถุงน้ำดีหรือไม่ ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ได้ที่นี่

อาการนิ่วในถุงน้ำดี หรือโรคนิ่วในถุงน้ำดี (Cholelithiasis หรือ Gall stone) ถือเป็นโรคที่พบบ่อยมาก โดยเฉพาะในผู้หญิง และผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป นิ่วที่เกิดขึ้นจะมีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันไป และบางคนอาจมีนิ่วในถุงน้ำดีเกิดขึ้นเพียงก้อนเดียว ในขณะที่บางคนก็เกิดก้อนนิ่วหลายก้อน 

ทำความรู้จักอาการนิ่วในถุงน้ำดี

ถุงน้ำดีมีลักษณะเป็นถุงกระเปาะที่มีไว้เพื่อเก็บ น้ำดี ซึ่งเป็นสารที่ตับสร้างขึ้นมา หลังจากที่เรารับประทานอาหาร ถุงน้ำดีจะบีบตัวและปล่อยน้ำดีเข้าไปยังลำไส้เพื่อช่วยในการย่อยอาหาร อาการนิ่วในถุงน้ําดีจะเกิดขึ้นเมื่อมีสารประกอบบางอย่างที่ทำให้น้ำดีเริ่มขุ่นข้นและก่อตัวขึ้นเป็นก้อนนิ่ว ซึ่งมักจะเป็นสารจำพวกของเสียอย่างบิลิรูบิน หรือคอเลสเตอรอล

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจคัดกรองนิ่ว สลายนิ่ว รักษานิ่ว วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,930 บาท ลดสูงสุด 4,518 บาท

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

นิ่วในถุงน้ำดีมักจะฝังตัวอยู่ในถุงน้ำดีเพียงเท่านั้นและไม่สร้างปัญหาใดๆ แต่บางครั้งก็ไปปิดกั้นทางออกของถุงน้ำดี หรือที่เรียกว่าท่อถุงน้ำดี โดยเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดภาวะนี้ขึ้น ถุงน้ำดีจะเข้าสู่ภาวะกระตุกและเริ่มอักเสบ เรียกว่าภาวะถุงน้ำดีอักเสบ (Cholecystitis) ซึ่งอาการอาจหายไปได้เอง หรืออาจรุนแรงกว่าเดิม เนื่องจากถุงน้ำดีที่อักเสบเกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย

สาเหตุและปัจจัยของอาการนิ่วในถุงน้ำดี

มีปัจจัยหลายอย่างที่ทำให้เกิดอาการนิ่วในถุงน้ําดีได้ ซึ่งปัจจัยเหล่านั้นได้แก่

  • มีสารบิลิรูบิน (Bilirubin) ส่วนเกินในน้ำดี
  • มีคอเลสเตอรอลส่วนเกินในน้ำดี
  • มีสิ่งอุดตันอื่นที่ไม่ใช่นิ่วมาปิดกั้น ทำให้ไม่สามารถถ่ายเทน้ำดีได้อย่างเหมาะสม
  • ความเข้มข้นของน้ำดีต่ำ หรือที่เรียกว่า เกลือน้ำดี (Bile salt)

กลุ่มเสี่ยงเกิดอาการนิ่วในถุงน้ำดี

บุคคลที่มีปัจจัยต่อไปนี้ อาจมีความเสี่ยงเกิดอาการนิ่วในถุงน้ําดีได้มากกว่ากลุ่มอื่นๆ

  • เพศหญิง
  • อายุมากกว่า 40 ปี
  • มีบุตรหลายคน
  • คนในครอบครัวเคยเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดี
  • ใช้ยาลดระดับคอเลสเตอรอล  
  • เป็นเบาหวาน
  • น้ำหนักลดลงอย่างมากในเวลาอันรวดเร็ว
  • รับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนทดแทน
  • ตั้งครรภ์
  • เป็นโรคอ้วน (มีดัชนีมวลกาย BMI มากกว่า 25)
  • รับประทานอาหารที่มีไขมันและมีแคลอรี่สูง กากใยอาหารน้อย

อาการของนิ่วในถุงน้ำดี

ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้ป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่แสดงอาการใดๆ ให้เห็น และอาจตรวจพบนิ่วโดยบังเอิญจากการตรวจคัดกรองหรือการตรวจปัญหาสุขภาพอื่นๆ มากกว่า

อย่างไรก็ตาม หลายคนที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีก็อาจแสดงอาการออกมาได้เช่นกัน ได้แก่

  • ปวดบีบๆ บริเวณช่องท้องด้านบนขวา
  • ปวดหลัง ร้าวไปถึงสะบักขวา
  • ปวดใต้สะบักขวา โดยจะเกิดอาการขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีอาการหนักขึ้นไปอีกอย่างน้อย 30 นาที หรืออาจเป็นติดต่อกัน 2-3 ชั่วโมงเลยทีเดียว
  • เป็นไข้หนาวสั่น
  • อาเจียนและคลื่นไส้
  • โรคดีซ่าน (ผิวและตาขาวมีสีออกเหลือง)
  • อุจจาระสีซีด ปัสสาวะเข้ม
  • อาการปวดเกิดขึ้นหลังจากกินอาหารที่มีไขมันสูง
  • อาหารไม่ย่อย ท้องอืด มีแก๊สในกระเพาะอาหาร

หากคุณมีอาการเหล่านี้ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจรักษา เพราะไม่บ่อยนักที่อาการนิ่วในถุงน้ำดีจะส่งสัญญาณล่วงหน้า ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากผู้ที่ป่วยเป็นนิ่วในถุงน้ำดีจะมีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งถุงน้ำดีได้ แม้จะเกิดขึ้นได้น้อยก็ตาม 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ตรวจคัดกรองนิ่ว สลายนิ่ว รักษานิ่ว วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 1,930 บาท ลดสูงสุด 4,518 บาท

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

การวินิจฉัยอาการนิ่วในถุงน้ำดี

หากสอบถามอาการและประวัติทางสุขภาพเบื้องต้นแล้วสงสัยว่าผู้ป่วยอาจเป็นนิ่วในถุงน้ำดี แพทย์จะตรวจด้วยการฉายภาพเพิ่มเติม โดยอาจใช้การอัลตราซาวด์ การตรวจอีกหนึ่งวิธีที่ใช้บ่อยคือการตรวจถุงน้ำดีโดยให้ผู้ป่วยรับประทานยาที่มีสารย้อมทึบรังสี (Oral cholecystogram หรือ OCG) ก่อนใช้รังสีเอกซเรย์ฉายไปที่ถุงน้ำดี เพื่อช่วยให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น วิธีนี้มักใช้ในผู้ป่วยที่อัลตร้าซาวด์อย่างเดียวได้ยาก เช่น อ้วน ผนังหน้าท้องหนามาก และอีกวิธีหนึ่งมีชื่อว่า HIDA Scan ซึ่งเป็นการฉีดสารกัมมันตรังสีที่ไม่เป็นอันตรายเข้าร่างกายในปริมาณเล็กน้อย แต่บางครั้งอาการนิ่วในถุงน้ำดีก็ตรวจพบโดยบังเอิญในกระบวนการตรวจอื่นๆ เช่น CT scan เป็นต้น

การรักษาอาการ นิ่วในถุงน้ำดี

การรักษาอาการนิ่วในถุงน้ำดีมีทางเลือกหลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของนิ่วของผู้ป่วยแต่ละรายด้วย วิธีที่แพทย์อาจนำมาใช้รักษา มีดังนี้ 

เปลี่ยนการบริโภคอาหาร

แพทย์อาจแนะนำให้คุณเปลี่ยนไปรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและอาหารที่มีไขมันต่ำมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยบรรเทาอาการจากโรคนิ่วในถุงน้ำดี

การใช้ยา

ยาที่ใช้รักษาอาการนิ่วในถุงน้ำดีมีไม่มาก เช่น เกลือน้ำดี ที่จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดและอาการของโรคด้วยการเข้าไปทำลายนิ่วขนาดเล็กอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้ไม่ได้เหมาะกับผู้ป่วยทุกราย

การบดนิ่ว (Lithotripsy)

วิธีนี้เป็นการใช้คลื่นเสียงที่มีพลังสูงตรงเข้าทำลายนิ่วให้เป็นเศษเล็กๆ และหลังจากนั้นมักจะมีการใช้ยาเพื่อสลายเศษนิ่วที่เหลือด้วย

การผ่าตัด

เป็นวิธีการผ่าตัดถุงน้ำดีออก แต่ส่วนใหญ่แล้วจะใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง ซึ่งจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มากขึ้น ก็ทำให้มีวิธีการผ่าตัดถุงน้ำดีที่เรียกว่า Laparoscopic cholecystectomy หรือการผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกโดยการส่องกล้อง โดยเป็นการผ่าตัดผ่านกล้อง (Laparoscopic technology) ที่จะช่วยให้แผลผ่าตัดมีขนาดเล็ก หายเร็วขึ้น และไม่จำเป็นต้องพักที่โรงพยาบาลหลังการผ่าตัด

อย่างที่บอกไปว่า ก้อนนิ่วในถุงน้ำดีสามารถทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงตามมา เช่น การอักเสบของถุงน้ำดี การอุดตันของถุงน้ำดี หรือกระทั่งโรคร้ายแรงอย่างมะเร็งถุงน้ำดี คุณจึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติ และเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ ซึ่งไม่เพียงแต่จะป้องกันอาการนิ่วในถุงน้ําดีเท่านั้น แต่ยังเป็นการระวังโรคภัยทั้งหลายที่อาจก่อตัวขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือน


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Baiu I, Hawn MT. Gallstones and Biliary Colic. JAMA. 2018;320(15):1612. doi:10.1001/jama.2018.11868 (https://doi.org/10.1001/jama.2018.11868)
Behari A, Kapoor VK. Asymptomatic Gallstones (AsGS) - To Treat or Not to?. Indian J Surg. 2012;74(1):4-12. doi:10.1007/s12262-011-0376-5 (https://dx.doi.org/10.1007%2Fs12262-011-0376-5)
Stinton LM, Epidemiology of gallstones (https://www.sciencedirect.com/...), June 2010

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

ดูคำถามและคำตอบอื่นๆ ที่เกี่ยวกับอาการนี้
โรคนิ่วในถุงน้ำดีเกิดจากสาเหตุรัยบ้าง
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
นิ่วเกิดจากสาเหตุใดได้บ้างค่ะ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ปัญหา นิ้วในถุงน้ำดี เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีแนวทางการรักษาอย่างไรบ้าง
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
เป็นนิ่วในถุงน้ำดีต้องผ่าตัดธรรมดา หรือส่องกล้องผ่า หรือใช้เลเซอร์ได้ไหมครับ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
กินไข่วันละ 1 ฟองทุกวัน จะทำให้คอเลสเตอรอลสูงมั้ยคะ??
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)
ตอนนี้หนูปวดท้องใต้ซี่โครงขวาแบบสุดๆเลยค่ะ ทานยาอะไรได้บ้างค่ะเพื่อบรรเทาอาการ
คำถามนี้ได้การตอบจากแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา)