กองบรรณาธิการ HD
เขียนโดย
กองบรรณาธิการ HD

แมกนีเซียม แร่ธาตุชนิดสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้

หนึ่งในแร่ธาตุสำคัญที่เกี่ยวพันกับการทำงานหลายระบบในร่างกาย แต่ต้องระมัดระวังในการรับประทานเพื่อให้ได้ประโยชน์สุงสุด
เผยแพร่ครั้งแรก 16 ก.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
แมกนีเซียม แร่ธาตุชนิดสำคัญที่ร่างกายขาดไม่ได้

เรื่องควรรู้

ขยาย

ปิด

  • แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่มีความสำคัญต่อร่างกายหลายด้าน เช่น เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างกระดูกและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
  • ปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายต้องการ คือ 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่โดยทั่วไปเราได้รับแมกนีเซียมจากอาหารเพียงวันละ 150-300 มิลลิกรัมเท่านั้น ในบางรายที่ขาดแมกนีเซียมมากๆ จึงอาจต้องรับประทานในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
  • แมกนีเซียมธรรมชาติ มักพบในธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว อัลมอนด์ กล้วย ผักใบเขียว นม และเนื้อสัตว์ ส่วนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะอยู่ในรูปแมกนีเซียมออกไซด์ และแมกนีเซียมซิเตรท
  • หากร่างกายขาดแมกนีเซียมจะทำให้เกิดภาวะต่อไปนี้ เช่น การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง เกิดความผิดปกติที่ระบบประสาท กระดูกพรุน เปราะ หรือแตกหักง่าย
  • ปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่ให้บริการตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย วิธีการนี้อาจช่วยให้คุณสามารถทราบได้ว่า "ตนเองขาดวิตามิน หรือแร่ธาตุชนิดใด หรือไม่"  
  • เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจวิตามินและแร่ธาตุ

แมกนีเซียม (Magnesium) คือ แร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบสำคัญของร่างกาย มีบทบาทหน้าที่สำคัญหลายอย่าง 

ในร่างกายมีแมกนีเซียมอยู่ประมาณ 20 – 25 กรัม โดยอยู่ในโครงสร้างกระดูกประมาณ 70% และอีก 30% พบในเนื้อเยื่อต่างๆ หรือไหลเวียนในกระแสเลือด 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ผลิตภัณฑ์สำหรับเข่าและกระดูก สูตรเฉพาะ รวมสารสกัดที่ผ่านงานวิจัย คอลลาเจน UC-II ขมิ้นชัน งาดำ และวิตามิน

ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

โดยปกติเรารับแมกนีเซียมเข้าสู่ร่างกายจากการรับประทานอาหาร แต่ในอาหารทั่วไปมีแมกนีเซียมอยู่ปริมาณน้อย ทำให้หลายๆ คนมีภาวะขาดแมกนีเซียมได้

แมกนีเซียมสำคัญต่อร่างกายอย่างไร?

  • เป็นองค์ประกอบของโครงสร้างกระดูกและจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
  • เป็นตัวช่วยควบคุมสมดุลแคลเซียมในกระดูกและในเลือด และป้องกันไม่ให้แคลเซียมเกาะตามเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ
  • จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ โดยเกี่ยวข้องกับการส่งสัญญาณประสาทและควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ
  • ช่วยควบคุมการส่งกระแสประสาท จึงช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า เครียด และปวดศีรษะไมเกรนได้
  • ทำหน้าที่เป็นโคเอนไซม์ ช่วยในการทำงานของเอนไซม์เผาผลาญสารอาหารและเอนไซม์ที่สังเคราะห์โปรตีน
  • มีส่วนช่วยกระตุ้นการทำงานของวิตามิน บี ซี และ อี
  • ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายและคลายความหนาว เมื่ออยู่ในสภาพอากาศหนาวเย็นความต้องการแมกนีเซียมจะเพิ่มขึ้น
  • ช่วยในการผลิตฮอร์โมนสำคัญหลายชนิด
  • ช่วยลดความดันโลหิต และป้องกันการเกิดลิ่มเลือด จึงป้องกันความเสี่ยงต่อโรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจและสมองได้
  • ทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นปกติ จึงช่วยลดอาการตะคริวได้
  • มีส่วนควบคุมสมดุลกรด-เบสในร่างกาย

หากร่างกายขาดแมกนีเซียมจะเป็นอย่างไร?

ปริมาณแมกนีเซียมที่ร่างกายต้องการ คือ 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน ในขณะที่โดยทั่วไปเราได้รับแมกนีเซียมจากอาหารเพียงวันละ 150-300 มิลลิกรัมเท่านั้น 

การขาดแมกนีเซียมต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติทั้งในระบบประสาท การทำงานของกล้ามเนื้อ ไต หัวใจ และกระดูก ซึ่งทำให้ร่างกายเกิดภาวะต่างๆ เช่น

  • การทำงานของกล้ามเนื้อผิดปกติ ทำให้กล้ามเนื้อหดเกร็งค้างและเป็นตะคริวบ่อย
  • การย่อยอาหารและการเผาผลาญผิดปกติ ทำให้ร่างกายขาดพลังงาน
  • การสังเคราะห์โปรตีนในร่างกายลดลงรวมถึงการสร้างฮอร์โมนเพศต่ำลงด้วย
  • เกิดความผิดปกติของระบบประสาท ทำให้มีอาการซึม ปวดศีรษะ และประสาทรับความเจ็บปวดไวกว่าปกติ
  • ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง
  • กระดูกพรุน หรือเปราะ กระดูกอ่อนไม่แข็งแรง และรับน้ำหนักไม่ได้
  • ปริมาณแมกนีเซียมและแคลเซียมในร่างกายจะสมดุลกัน ดังนั้นการขาดแมกนีเซียมจึงอาจทำให้มีภาวะแคลเซียมต่ำด้วย

สาเหตุที่ร่างกายขาดแมกนีเซียม

  • รับประทานแมกนีเซียมไม่เพียงพอ
  • มีความเครียดเรื้อรัง ทำให้แมกนีเซียมถูกใช้ไปมาก
  • รับประทานอาหารที่มีฟอสฟอรัสสูง เช่น น้ำอัดลม ทำให้ไปขัดขวางการดูดซึมแมกนีเซียม
  • มีการขับแมกนีเซียมออกทางปัสสาวะมาก เช่น ในคนที่ดื่มแอลกอฮอล์อย่างหนัก รับประทานยาขับปัสสาวะ หรือได้รับสังกะสีมาก
  • มีความผิดปกติของฮอร์โมน เช่น มี aldosterone สูง ทำให้มีการขับแมกนีเซียมออกมาก
  • ร่างกายมีความผิดปกติอื่นๆ เช่น เป็นโรคเบาหวาน ขาดสารอาหาร มีอาการชัก

เรารับแมกนีเซียมได้จากไหน?

เราสามารถรับแมกนีเซียมได้ในอาหาร เช่น ธัญพืชไม่ขัดสี ถั่ว อัลมอนด์ กล้วย ผักใบเขียว นม และเนื้อสัตว์ ซึ่งถือเป็นแหล่งแมกนีเซียมในธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่ได้รับแมกนีเซียมไม่เพียงพอ อาจจำเป็นต้องรับประทานแมกนีเซียมเสริม 

ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่หาซื้อได้จะอยู่ในรูป แมกนีเซียมออกไซด์ ซึ่งเป็นยาเม็ดขนาด 250 มิลลิกรัม/เม็ด สำหรับรับประทานวันละ 4 เวลา หรือ แมกนีเซียมซิเตรท ซึ่งมีทั้งแบบน้ำและเม็ด รับประทานวันละ 400 มิลลิกรัม 

การรับประทานแมกนีเซียมเสริม จะช่วยบำรุงกระดูก กระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อ ลดอาการชาตามปลายประสาท และป้องกันการเกิดตะคริวได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ผลิตภัณฑ์สำหรับเข่าและกระดูก สูตรเฉพาะ รวมสารสกัดที่ผ่านงานวิจัย คอลลาเจน UC-II ขมิ้นชัน งาดำ และวิตามิน

ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!

ข้อควรระวังในการรับประทานแมกนีเซียมเสริม

  • หากต้องการรับประทานแมกนีเซียมเสริมเป็นประจำ ควรเลือกรับประทานแมกนีเซียมออกไซด์ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ไม่ระคายเคืองทางเดินอาหาร และไม่ทำให้เกิดอาการปวดท้อง
  • ไม่ควรรับประทานแมกนีเซียมเสริมหลังอาหารทันที เพราะจะไปลดกรดในกระเพาะอาหารได้
  • ควรควบคุมปริมาณ แคลเซียม : แมกนีเซียม ที่ได้รับให้สมดุล คือ ประมาณ 2 : 1 เพราะการรับประทานแคลเซียมมากเกินไปจะไปขัดขวางการดูดซึมแมกนีเซียมได้

ใครบ้างควรรับประทานแมกนีเซียมเสริม?

  • ผู้ที่เสี่ยงต่อการขาดแมกนีเซียม เช่น อดอาหารเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่มีความเครียดสูง และเป็นไมเกรน
  • ผู้ที่เป็นตะคริว หรือชาตามปลายประสาทบ่อยๆ
  • ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์และน้ำอัดลมเป็นประจำ
  • ผู้ที่รับประทานยาขับปัสสาวะ
  • ผู้สูงอายุ ซึ่งเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนและไขข้อเสื่อม
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคนิ่วไต

แม้แมกนีเซียมจะเป็นแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน แต่ควรศึกษาให้ดีก่อนรับประทานเพื่อให้สามารถรับประทานได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ผู้สูอายุ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน  โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ควรปรึกษาแพทย์ หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนรับประทาน 

นอกจากนี้ในปัจจุบันมีโรงพยาบาลหลายแห่งที่ให้บริการตรวจระดับวิตามินและแร่ธาตุในร่างกาย วิธีการนี้อาจช่วยให้คุณสามารถทราบได้ว่า "ตนเองขาดวิตามิน หรือแร่ธาตุชนิดใด หรือไม่" และจำเป็นต้องรับประทานเสริมมาก-น้อยแค่ไหน หรือลดการรับประทานลงมาก-น้อยแค่ไหน

เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจวิตามินและแร่ธาตุ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android


5 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Magnesium Supplements: Benefits, Deficiency, Dosage, Effects, and More. WebMD. (https://www.webmd.com/diet/supplement-guide-magnesium#1)
10 Evidence-Based Health Benefits of Magnesium. Healthline. (https://www.healthline.com/nutrition/10-proven-magnesium-benefits)
Magnesium: Health benefits, deficiency, sources, and risks. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/286839)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
อาการก่อนมีประจําเดือน (พีเอ็มเอส)
อาการก่อนมีประจําเดือน (พีเอ็มเอส)

อ่านข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ อาการก่อนมีประจําเดือน ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ไปจนถึงอาการปวดรุนแรง หงุดหงิด ก้าวร้าว ร้องไห้ไม่มีสาเหตุ เราจะทำอย่างไรล่ะเพื่อรับมือกับอาการเหล่านี้

อ่านเพิ่ม