ความแตกต่างระหว่างการให้เรียนรู้ความผิดพลาดและการลงโทษสำหรับเด็ก

สอนให้ลูกของคุณเรียนรู้จากความผิดพลาด
เผยแพร่ครั้งแรก 17 ม.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
ความแตกต่างระหว่างการให้เรียนรู้ความผิดพลาดและการลงโทษสำหรับเด็ก

การทำโทษเด็กที่ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะส่งผลต่อโอกาสที่จะเกิดพฤติกรรมนั้นขึ้นอีกครั้ง การทำโทษยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นในตัวเอง ความสัมพันธ์กับผู้ดูแล และมุมมองเกี่ยวกับสิ่งรอบตัวอีกด้วย การทำความเข้าใจระหว่างการทำโทษและผลกระทบจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนในการควบคุมความประพฤติได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อันตรายจากการทำโทษ

การทำโทษไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์และไม่ใช่เรื่องธรรมชาติ

การทำโทษมักจะทำให้เด็กรู้สึกแย่ ตัวอย่างเช่น หากเด็กไม่ทำการบ้าน อาจถูกทำโทษโดยการให้เข้านอนเร็วกว่าปกติ 3 ชั่วโมง ซึ่งไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการไม่ทำการบ้านแต่อย่างใด เหมือนดังประโยคที่ว่า “การทำโทษไม่เหมาะสมกับความผิดที่ทำ” การทำโทษในลักษณะนี้ไม่ได้ทำให้เด็กทำการบ้านให้เสร็จแต่จะทำให้เกิดปัญหาในความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับลูก

มันมีความแตกต่างระหว่างการมีระเบียบกับการทำโทษ โดยการทำโทษมักทำเพื่อให้มีระเบียบ แต่การมีระเบียบควรถูกใช้ในแง่ของการสอนเด็กเกี่ยวกับการจัดการกับพฤติกรรมและเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตนเองมากกว่า เมื่อมีการทำโทษเกิดขึ้นในวิธีการฝึกระเบียบ จึงมักทำให้เด็กสนใจแต่ความโกรธที่พวกเขามีต่อผู้ปกครองมากกว่าพฤติกกรมของตนเอง ทำให้เด็กเกิดความคิดว่า “แม่เป็นคนร้ายกาจ” มากกว่า “ฉันเป็นคนทำผิด”การทำโทษมักทำให้มีอาการโกรธ อาจมากเกินไป และอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อเด็ก

ประโยชน์ของการเรียนรู้ผลกระทบ

ผลกระทบทั้งในด้านดีและด้านแย่จะช่วยสอนให้เด็กมีการตัดสินใจที่เหมาะสมขึ้นได้ด้วยตนเอง เพราะทำให้เด็กมีโอกาสเรียนรู้จากความผิดพลาดและรับผิดชอบกับการกระทำของตนเอง ผลกระทบเหล่านี้สามารถเป็นได้ทั้งตามธรรมชาติหรือตามหลักการและให้โอกาสเด็กได้เรียนรู้

ผลกระทบตามธรรมชาติ

ผลกระทบตามธรรมชาติ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยตรงจากพฤติกรรมของเด็ก ตัวอย่างเช่น หากเด็กกระโดดลงไปในโคลน รองเท้าก็จะเปียก หรือหากรับประทานอาหารกลางวันไม่หมด พวกเขาก็จะหิวก่อนเวลารับประทานอาหารเย็น การให้เด็กได้รับผลกระทบเหล่านี้ทำให้เด็กได้เรียนรู้ผลจากพฤติกรรมของตนเองด้วยตัวเอง

ผลกระทบแบบนี้สามารถทำได้เมื่อสิ่งที่เป็นผลกระทบเป็นเรื่องของความปลอดภัย ตัวอย่างเช่น คุณไม่สามารถให้เด็กจับเตาร้อนๆ และให้เด็กเรียนรู้ผลกระทบตามธรรมชาติโดยการถูกไหม้ได้ อย่างไรก็ตาม สามารถให้ลูกได้รับประสบการณ์ที่ทำให้ไม่สบายเล็กน้อยได้เช่นการรู้สึกไม่สบายเมื่อหลังจากไม่ยอมใส่เสื้อหนาวในวันที่อากาศหนาว ก็อาจจะช่วยในการเรียนรู้ของเด็กได้

นอกจากนั้น ควรประเมินพัฒนาของเด็กเพื่อให้มั่นใจว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นจะทำให้อยู่ในระเบียบวินัยที่เหมาะสมกับช่วงอายุ วิธีนี้ใช้ได้ผลดีในเด็กที่โตแล้วซึ่งสามารถเข้าใจความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมของพวกเขากับผลกระทบได้ และจากผลดังกล่าวจะทำให้พวกเขามีความสามารถในการนำข้อมูลตรงนี้มาใช้ประกอบการตัดสินใจในอนาคต

ผลกระทบแบบเป็นหลักการ

ผลกระทบแบบนี้เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นโดยตรงจากพฤติกรรมของเด็ก ตัวอย่างเช่น หากลูกของคุณขี่จักรยานนอกบริเวณที่กำหนด ผลกระทบแบบเป็นหลักการของกรณีนี้คือเด็กจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่จักรยานอีกตลอดคืนนั้นแทนการบังคับไม่ให้เล่นวีดีโอเกม หรืออย่างอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมที่กระทำลงไป

ผลกระทบแบบเป็นหลักการจะช่วยให้เด็กเรียนรู้จากความผิดพลาด เช่น เด็กที่ไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่จักรยานจากการขี่จักรยานนอกบริเวณที่กำหนดจะสามารถจำเหตุผลที่ทำให้ตัวเองไม่ได้ขี่จักรยาน ตรงกันข้าม หากเด็กถูกห้ามไม่ให้เล่นวีดีโอเกมจากการขี่จักรยานออกนอกสวน พวกเขาอาจจำพฤติกรรมที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้น

มีหลายวิธีที่พ่อแม่อาจใช้เพื่อการฝึกทำให้ผลกระทบแบบเป็นหลักการนั้นมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การเสนอผลกระทบหลังจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทันทีถ้าเป็นไปได้ เช่น หากเด็กตีพี่น้องระหว่างกินอาหารเข้า บอกให้เด็กรู้ว่าการให้เข้านอนเร็วนั้นไม่มีผลอีกต่อไป แต่ควรจะแจ้งตารางเกี่ยวกับผลของการปฏิเสธ หากไม่แจ้งเวลาที่แน่นอน เด็กก็จะไม่รู้สึกตื่นตัวในการทำให้ได้ขนมกลับคืนมา โดยปกติแล้วช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือช่วง 24 ชั่วโมงนั้นเหมือนกลับมา


1 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Amy Morin, The Difference Between Consequences and Punishments for Kids (https://www.verywellfamily.com/consequences-punishments-differences-kids-1094787)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
วิธีบอกความแตกต่างระหว่าง "ความขัดแย้ง" และ "การรังแก"
วิธีบอกความแตกต่างระหว่าง "ความขัดแย้ง" และ "การรังแก"

การแยกแยะระหว่างการรังแกผู้อื่นกับความขัดแย้งกับคนรอบข้างและการตอบสนองตามสถานการณ์

อ่านเพิ่ม
จะสื่อสารกับผู้ให้การดูแลเด็กอย่างไร?
จะสื่อสารกับผู้ให้การดูแลเด็กอย่างไร?

การสนทนาแบบเปิดจะช่วยให้พ่อแม่ได้รับข้อมูลล่าสุดอยู่เสมอ

อ่านเพิ่ม
ไอเดียของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับวัยรุ่น
ไอเดียของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับวัยรุ่น

ไอเดียของขวัญวันคริสต์มาสสำหรับวัยรุ่นมากกว่า 50 อย่าง

อ่านเพิ่ม